วันนี้ได้ออกพื้นที่เพื่อสัมภาษณ์ ผู้เข้าประเมินเทียบระดับการศึกษาตามหนังสือที่อ้างถึง ที่ศธ0210.67(03)/1598 ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2558 เรื่อง การคัดเลือกผู้ผ่านการเทียบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยขอให้กศน.อำเภอเมืองลำปางดำเนินการคัดเลือกผู้ผ่านการเทียบระดับการศึกษาที่มีความโดดเด่นในการประกอบอาชีพ วิถีชีวิตการเรียนรู้อำเภอละ 1 คน พร้อมส่งข้อมูลวันที่ 16 พฤศจิกายน 2558
โดยนัดอาจารย์ยุรัยยา อินทรวิจิตร และอ.กฤษณะ เจริญอรุณวัฒนา เพื่อสัมภาษณ์และถ่ายรูป....
โดยมีหัวข้อการสัมภาษณ์ดังนี้
1.เหตุที่ทำให้พลาดโอกาสทางการศึกษาในวัยเด็ก:
2.แรงจูงใจในการศึกษาต่อ:
3.ผลงานที่ภาคภูมิใจ:
4.เป้าหมายการดำเนินชีวิต:
5.ทัศนคติที่มีต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต:
6.วิธีการและเคล็ดลับเตรียมความพร้อมการเทียบระดับการศึกษา:
7.ความคิดเห็นเกี่ยวกับการเทียบระดับการศึกษา:
8.ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการเทียบระดับการศึกษา:
ภาคบ่าย...กลับมาพิมพ์ประวัติที่สัมภาษณ์และให้อาจารย์ยุรัยยา อินทรวิจิตร ตรวจความถูกอีกครั้ง.......
และเขียนได้ดังนี้
แบบเสนอชื่อผู้ผ่านการเทียบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานดีเด่น
สถานศึกษาที่ทำหน้าที่เทียบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กศน.อำเภอ เมืองลำปาง
สำนักงานกศน.จังหวัดลำปาง
ชื่อ-สกุล : นางมาลัย วงศ์บุญศรี
อายุ 54 ปี
อาชีพ : เจ้าของธุรกิจส่วนตัว
ร้านมาลัยซักแห้ง
วุฒิการศึกษาเดิม : ป.7
จากสถานศึกษา: โรงเรียนผู้ใหญ่วิสุทธิ์วิทยากร
ตำบลหัวเวียง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
ที่อยู่ที่ติดต่อได้สะดวก: บ้านเลขที่
26 กาดกองต้าเหนือ ตำบลหัวเวียง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
โทรศัพท์: 086-6731429
ประวัติโดยย่อ:
ดิฉันนางมาลัย วงศ์บุญศรี เกิดวันที่ 13 เมษายน
2504 ปัจจุบันอายุ 54 ปี บิดาชื่อนายส่งคำเครือ มารดาชื่อนางแก้ว คำเครือ
มีพี่น้องจำนวน 7 คน เป็นชาย 4 คน
เป็นหญิงจำนวน 3 คน แต่เสียชีวิตแล้ว 1 คน ดิฉันเป็นคนที่ 4 บ้านเกิดอยู่ที่บ้านทุ่งฝาย
ตำบลทุ่งฝาย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ครอบครัวของดิฉันพ่อ-แม่มีฐานะยากจนจึงเรียนจบป.4
โรงเรียนบ้านทุ่งฝาย และไม่ได้เรียนต่อเพราะว่าพ่อ-แม่ไม่มีเงิน
จึงได้ออกมาทำงานช่วยเหลือครอบครัว จนอายุได้ 16
ด้วยความที่เป็นคนชอบใฝ่เรียนรู้จึงได้ขอพ่อแม่มาอยู่กับญาตในเมืองทำงานและเรียนระดับประถมศึกษา(ป.7)โรงเรียนผู้ใหญ่วิสุทธิ์วิทยากร
และศึกษาต่อระดับม.ต้นได้ 1 เทอมก็พบรักจึงแต่งงานเมื่ออายุ 18 ปีและได้ย้ายไปอยู่กับสามีที่จังหวัดมุกดาหารเป็นเวลา
14 ปีและมีบุตรธิดารวม 3 คน จึงทำให้ไม่ได้ศึกษาต่อ
เพราะต้องเป็นแม่บ้านเลี้ยงดูบุตรธิดา
ต่อมาดิฉันอายุได้
32 ปีสามีเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุขณะนั้นได้ตั้งท้องลูกคนเล็กได้ 4 เดือนจึงต้องเลี้ยงลูกโดยลำพัง
ทำให้ไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่ายที่สูงขึ้นบิดาได้ให้กลับมาอยู่ที่ลำปางตัวดิฉันเองจึงเริ่มหาหนทางในการประกอบอาชีพโดยค้าขายแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จด้วยความที่มีเพื่อนประกอบอาชีพรับจ้างซักผ้า-รีดผ้าจึงได้ขอไปเรียนการซักผ้า
รีดผ้าจากเพื่อนและมาเปิดร้านมาลัยซักแห้ง ที่กาดกองต้าเหนือ ถนนตลาดเก่า ตำบลหัวเวียง
อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ตั้งแต่ปีพ.ศ.2540 รวมจำนวน 18
ปีโดยมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 6,000 บาท หรือเฉลี่ยปีละ 72,000 บาท
โดยมีความชำนาญในการย้อมผ้าด้วยสีเคมี ทุกชนิด ซักแห้งเสื้อสูท ผ้าไหม ผ้าฝ้าย
โดยดิฉันได้ฝึกฝนอาชีพจากการเรียนรู้จากเพื่อนที่ชำนาญและเรียนรู้ด้วยตนเองได้พัฒนาฝึกฝนลองผิดลองถูกเกี่ยวกับการซักแห้ง
เช่น การซักเสื้อสูท ชุดขาวการซักแห้งจริงๆแล้วคือการซักแห้งด้วยน้ำมันและดิฉันได้ดิ้นรนไปแสวงหาความรู้
ในสถานที่ต่างๆ มาปรับใช้จนได้ผล โดยมีเคล็ดลับดังนี้ การซักแห้ง คือ
การซักเสื้อผ้าที่มีสิ่งเปรอะเปื้อนให้สะอาดโดยไม่ใช้น้ำ และผงซักฟอก การซักแห้งนั้นจะใช้น้ำยาพิเศษเป็นตัวละลายคราบไขมัน
หรือสิ่งเปรอะเปื้อนที่ติดอยู่ในเสื้อผ้าให้หลุดออกโดยไม่มีผลต่อเส้นใยและสีสันของเสื้อผ้าแต่อย่างใดการซักแห้งที่แท้จริงจะไม่ใช้น้ำยาซักแห้งมาผสมกับน้ำอย่างที่เข้าใจกัน
แต่ใช้น้ำมันซักแห้ง จะไม่ทำให้เนื้อผ้ามีการพองตัวหรือ ขยายขึ้น
และอีกทั้งยังสามารถชำระล้างคราบน้ำมันที่ติดบนเนื้อผ้าออกได้
ซึ่งการซักด้วยน้ำนั้นไม่สามารถทำให้คราบน้ำมันเหล่านั้น หลุด ออก
เพราะน้ำมันไม่ละลายในน้ำ โดยดิฉันมีขั้นตอนในการรับงานซักแห้ง.....
หลังจากรับเสื้อผ้าจากลูกค้า...เริ่มจากงานซักก่อนโดยการนำน้ำใส่เครื่องซักผ้าพอประมาณใส่ผงซักฟอก
1 ช้อน และน้ำยาซักแห้ง 2 ฝาขวดน้ำยา
ถ้าผ้าเปื้อนหน่อยก็ต้องผสมน้ำมันเบนซินขาวลงไปประมาณ 1 ช้อน
แล้วแช่ทิ้งไว้สักพักการซักก็ทำเหมือนซักผ้าปกติ แต่
ก่อนจะนำผ้าลงซักต้องดูก่อนว่าเป็นผ้าชนิดใดหากเป็นผ้าไหม ผ้าที่มีเนื้อบาง
ชุดที่มีกระดุมมุกมาก ๆ หรือชุดที่มีลูกไม้ ก็จำเป็นต้องพิถีพิถันระมัด
ระวังเป็นพิเศษ เพราะถ้าซักด้วยความ รุนแรงกระดุมมุกอาจหลุด หรือไม่ก็ลูกไม้ที่ระบายติดตัวจะฉีกขาด
ผ้าไหมก็เช่นกัน ถ้าซักด้วยแรงกดมาก ๆ เนื้อผ้าก็จะเป็นขนขึ้นเป็นขุย แต่หากเป็นสูทที่เนื้อผ้ามีความหนาอยู่แล้ว
การขยี้การแปรงผ้าก็ต้องเพิ่มแรงมากขึ้นนอกจากนี้ก็ต้องดูด้วยว่ามี คราบสกปรก
ที่จุดใดบ้าง ขั้นตอนนี้ต้องละเอียดถี่ถ้วน เมื่อพบรอยเปรอะเปื้อน
และจะได้แปรง-ขยี้ในตำแหน่งนั้น ๆ มาก จนแน่ใจว่าสะอาดหมดจด
หลังการซักผ้าจนสะอาดแล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือระยะการนัดส่งงาน
กรณีที่ลูกค้าเร่งนำไปใช้งาน ก็ต้องนำเข้าเครื่องปั่นให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น
แต่ถ้าเป็น งานทั่วไปไม่ต้องรีบร้อนก็นำไปตากแดดเหมือนการตากผ้าปกติ
น้ำยาซักแห้งเป็นอันตรายนะคะ
ต้องใช้อย่างระมัดระวังมากไม่ควรใช้กับขุดชั้นใน…..
จากประสบการณ์ในการทำงานดิฉันต่อยอดธุรกิจ
โดยการจ้างคนที่มีความชำนาญในการย้อมผ้าด้วยสีเคมีมาสอนการย้อมผ้าด้วยสีเคมี
ซึ่งดิฉันได้ตั้งใจทำจนสามารถทำได้ดีและมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยคิดราคาย้อมตัวละ 100
บาทและทุกวันนี้ดิฉันก็มีความสุขกับการทำงาน โดยยึดหลักคุณธรรมในการดำรงชีวิตมีความซื่อสัตย์กับลูกค้าโดยดูแลซักแห้งเสื้อผ้าเหมือนกับเป็นเสื้อผ้าของตนเองหากซักแห้งเสร็จก็จะรีบโทรศัพท์ให้ลูกค้ามารับเสื้อผ้า
และคิดราคาบริการอย่างเป็นกันเองทำให้มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และสามารถมีเงินออมจนเลี้ยงดูบุตรธิดา 3 คนจนเรียนจบปริญญาตรี 2 คน ระดับปวส.1คน และปัจจุบันลูกๆทั้ง3
คนก็มีงานทำและมีครอบครัวสามารถเลี้ยงตนเองได้ทำให้ดิฉันเกิดความภาคภูมิใจเป็นอย่างมากและมีการแบ่งเป็นเงินไปบริจาคทำบุญทอดกฐินผ้าป่าและดิฉันดูแลสุขภาพตนเองโดยการออกกำลังกายโดยการเต้นอารบิค
ภายในชุมชนเพื่อเสริมสร้างสุขภาพอีกทางหนึ่งด้วย
และดิฉันได้ช่วยเหลือสังคมโดยการเป็นอสม.ของกาดกองต้าเหนือ ปี2550-2558 โดยมีหน้าที่คัดกรองผู้ป่วยในชุมชนกาดกองต้าเหนือ
เกี่ยวกับความดัน เบาหวาน การชั่งน้ำหนัก จำนวน 20
ครัวเรือนและส่งข้อมูลไปยังคุณหมอต่อไป และการรณรงค์เกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก
การให้ความรู้ การป้องกัน การติดตามและเฝ้าระวัง โรคที่จะเกิดขึ้นในชุมชน
และการสำรวจข้อมูลจปฐ.
ต่อมาดิฉันทราบข่าวเรื่องการศึกษาต่อจากเพื่อน...รู้สึกสนใจจึงมาสมัครเทียบระดับ
ในปี 2556(ม.6จบในแปดเดือน)โดยใช้วุฒิป.7มาศึกษาต่อแต่ระยะเวลาที่ดิฉันเรียนเป็นเวลา
3 ปี เพราะว่าติดภารกิจที่ต้องไปเยี่ยมลูกสาวที่สหรัฐอเมริกา และดูวันเวลาสอบผิดจึงไม่สามารถมาสอบและจบตามกำหนดได้
....แต่ดิฉันมีความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ ไม่ท้อถอยพยายามเรียนรู้ด้วยตนเอง
สอบถามลูกในเรื่องของภาษา ค้นคว้าหาความรู้จากอินเตอร์เน็ต และจากเพื่อนๆที่มีความรู้ความสามารถ และลงทะเบียนอีก 1เทอม และบอกกับตัวเองว่าต้องจบให้ได้ภายในเทอมนี้
และก็สมดังตั้งใจดิฉันผ่านการสอบจนได้วุฒิการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเพราะว่ามีการทดสอบหลายครั้งหลายขั้นตอนและมีกระบวนการที่ท้าทายความสามารถตลอดเวลา
ด่านแรกต้องผ่านภาคทฤษฎี ต่อมาต้องทำแฟ้มประสบการณ์ จำนวน 5 รายวิชาและสอบสัมภาษณ์และสอบปฏิบัติอีกจำนวน
2 รายวิชา และเข้าสัมมนาพัฒนาศักยภาพก่อนจบการศึกษา ซึ่งทำให้ดิฉันเกิดความภาคภูมิใจในการศึกษาในระดับนี้และคิดว่าในอนาคตจะเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีต่อไป
เหตุที่ทำให้พลาดโอกาสทางการศึกษาในวัยเด็ก:
สาเหตุที่ทำให้ดิฉันพลาดโอกาสทางการศึกษาเนื่องจากทางบ้านพ่อแม่ประกอบอาชีพทำนา
ครอบครัวมีฐานะยากจน และมีลูกมาก จำนวน 7 คน ดิฉันเป็นลูกคนที่ 4
ทำให้ต้องออกมาช่วยพ่อแม่ทำงานเพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัวโดยการรับจ้างในหมู่บ้านหลังที่จบการศึกษา
ป.4 โรงเรียนบ้านทุ่งฝาย จนอายุได้ 16 ปี
แรงจูงใจในการศึกษาต่อ:
แรงจูงใจที่ทำให้ดิฉันอยากศึกษาต่อ ดิฉันเป็นคนชอบเรียน
ใฝ่เรียนรู้ เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงได้ขอพ่อแม่มาอยู่กับญาตในเมือง เพื่อทำงานและเรียนต่อระดับประถมศึกษา(ป.7)โรงเรียนผู้ใหญ่วิสุทธิ์วิทยากร
และศึกษาต่อระดับม.ต้นได้ 1 เทอม ก็เกิดพบรักจึงแต่งงานเมื่ออายุ 18
ปีและได้ย้ายไปอยู่กับสามีที่จังหวัดมุกดาหารเป็นเวลา 14 ปี และมีบุตรธิดารวม 3 คน
จึงทำให้ไม่ได้ศึกษาต่อ เพราะต้องเป็นแม่บ้านเลี้ยงดูบุตรธิดา แต่ในใจคิดเสมอว่าหากมีโอกาสจะศึกษาต่อให้ได้…ในขณะที่ตนเองไม่ได้เรียนต่อในวัยเด็กดิฉันก็ได้
ผลักดันให้ลูกได้เรียนในระดับปริญญาตรีจำนวน 2 คน และระดับปวส. 1 คน จนจบการศึกษาทั้ง
3 คน ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจมากที่ดิฉันเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวและสามารถเปิดร้านซักแห้งจนส่งลูกเรียนจนจบระดับปริญญาตรีได้
เมื่อลูกๆเรียนจบแล้วดิฉันเริ่มใช้ชีวิตอย่างอิสระมากขึ้นไม่ต้องทำงานหนักเหมือนตอนลูกเล็กๆ...ดิฉันมีเวลาพักผ่อน
ดูแลสุขภาพตนเองและเริ่มนึกถึงอดีตว่าจะกลับไปเรียนต่อ บังเอิญมีเพื่อนแนะนำให้มาเรียนเทียบระดับเพราะเขาว่าจบเร็วก็เกิดความสนใจและมาสมัครเข้าเทียบระดับการศึกษาเพื่อที่จะเรียนต่อให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้
ผลงานที่ภาคภูมิใจ:
ความภาคภูมิใจของดิฉันคือ การเปิดร้านมาลัยซักแห้ง
และต่อยอดการย้อมผ้าด้วยสีเคมี จนสามารถหารายได้ส่งให้ลูกเรียนในระดับปริญญาตรีและปวส.และมีงานทำสามารถพึ่งตนเองได้
การได้ช่วยเหลือสังคมโดยการเป็นอสม.ของกาดกองต้าเหนือ
ปี 2550-2558การอยู่อย่างพอเพียง ไม่เอาเปรียบลูกค้าคิดราคาไม่แพง
มีความซื่อสัตย์ดูแลรักษาความสะอาดเหมือนเป็นเสื้อผ้าของตนเอง
เป้าหมายการดำเนินชีวิต:
ดิฉันอายุ 54 ปีแล้วตั้งใจจะทำงานหาเลี้ยงตัวเองไม่รบกวนลูกหลานโดยจะเปิดร้านมาลัยซักแห้ง
และการย้อมผ้าด้วยสีเคมี โดยรับงานแต่พอดีไม่หักโหมเหมือนลูกยังเล็กๆ จะค่อยๆทำไปโดยยึดหลักการดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
พอมี พอกินไม่โลภมาก มีความซื่อสัตย์ รู้จักแบ่งปัน และให้เวลาไปเยี่ยมลูก-หลาน ที่กรุงเทพและสหรัฐอเมริกาบ้างเป็นครั้งคราว และรักษาสุขภาพตนเองโดยการเต้นแอโรบิคทุกวันเช้า-เย็นร่วมกับคนในชุมชนและช่วยเหลือสังคมโดยการเป็นอสม.และศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีต่อไป
ทัศนคติที่มีต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต:
ความคิดเห็นดิฉันต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นสิ่งที่ดี
เพราะว่าการที่คนเราจะเก่งได้นั้น เราต้องรู้จักนำเอาการเรียนรู้, ความรู้ที่เรามีอยู่ หรือจากประสบการณ์ที่สั่งสมเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์
เพื่อจะไปสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ตัวเอง, ครอบครัว, สังคมและประเทศชาติ การแสวงหาความรู้นั้นไม่มีขอบเขต และไม่มีการหยุดนิ่ง
สำหรับตัวดิฉัน มีความเชื่ออย่างง่ายๆ ในเรื่องของการเรียนรู้
การเรียนนั้นไม่ว่าจะเป็นการเรียนแบบใด ในสถานศึกษาหรือจากแหล่งอื่นๆ
ก็สามารถเรียนรู้ได้เช่นกัน เช่นดิฉันเรียนรู้การซัก รีด จากเพื่อน และการย้อมผ้าสีเคมี จากผู้รู้ผู้ชำนาญการ
และนำความรู้เหล่านั้นมาฝึกฝนจนชำนาญต่อไปสิ่งเหล่านี้ก็เกิดจากการเรียนรู้ทั้งสิ้น
วิธีการและเคล็ดลับเตรียมความพร้อมการเทียบระดับการศึกษา:
ดิฉันเริ่มสมัครเข้าเทียบระดับการศึกษาตั้งแต่ปีการศึกษา
2556 และได้รับแจ้งจากกศน.อำเภอเมืองลำปางให้อยู่ในความดูแลของครูที่ปรึกษา
เริ่มมีการติวในรายวิชาต่างๆ เช่น วิชาคอมพิวเตอร์ ภาษาอังกฤษ แต่ที่ดิฉันคิดว่าตนเองอ่อนคือวิชาคณิตศาสตร์
โดยเริ่มติวกับเพื่อนที่เก่งในวิชาคณิตศาสตร์ให้มาติวที่ร้านโดยได้รับความรู้ที่ดีมาก
และวิชาคอมพิวเตอร์มีลูกค้ามาช่วยติวให้ และศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองจาก อินเตอร์เน็ตจากหนังสือแบบเรียน
จากแบบทดสอบ และสอบถามภาษากับลูกสาวบ้างเมื่อไม่เข้าใจ
ความคิดเห็นเกี่ยวกับการเทียบระดับการศึกษา:
การเข้าร่วมโครงการเทียบระดับการศึกษา
ทำให้ดิฉันมีโอกาสเรียนรู้ วิธีการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาตนเอง
ได้ใช้ความพยายามในการที่จะทบทวนบทเรียนให้มีความรู้เพิ่มขึ้น เพื่อประเมินภาคทฤษฎี
และภาคประสบการณ์ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนๆหลากหลายวัย หลากหลายประสบการณ์และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จร่วมกันและที่สำคัญดิฉันรู้สึกภูมิใจที่สามารถนำประสบการณ์ความรู้ที่อยู่ของข้าพเจ้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการยกระดับการศึกษาครั้งนี้
ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการเทียบระดับการศึกษา:
1.
ควรมีโครงการเทียบระดับการศึกษาเพราะเปิดโอกาสและเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่มีภาระกิจงานที่ไม่สามารถมาเรียนแบบพบกลุ่ม
2.
ควรมีการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลงานโครงการเทียบระดับการศึกษาให้ประชาชนได้รับทราบ
ดีมากคะ
ตอบลบ